หลักการง่ายๆของอาหารทดแทน คือ
- การจำลองภาพอาหาร1โต๊ะใหญ่ๆ ที่มีสารอาหารครบ5หมู่ จะเป็นโต๊ะจีนก็ได้ นำมาปั่นรวมกัน สกัดเอาไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออก เอากากทั้งหมดออก เหลือไว้เพียง ‘สารอาหารที่จำเป็น’
- ทำให้เหลือปริมาณไม่มาก แต่สารอาหารมาก แล้วปรุงรสชาติให้ทานง่ายขึ้น
- อาหารทดแทน คือ อาหารที่ทานแทนอาหารปกติที่เราทานๆกันอยู่ในแต่ละมื้อได้เลยนั่นเอง
- ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบผง ต้องนำมาผสมในเครื่องดื่ม หรือบางยี่ห้อก็อาจเป็นแบบสำเร็จรูปที่ทานได้เลย
- อาหารทดแทนจะแตกต่างจากอาหารเสริม กล่าวคือ อาหารทดแทนจะสามารถทานแทนอาหารได้ในบางมื้อ เพราะมีสารอาหารครบถ้วน ส่วนอาหารเสริมจะไม่สามารถทานแทนอาหารได้ เพราะสารอาหารไม่ครบถ้วนเพียงพอนั่นเอง
- อาการทดแทนมีมานานกว่า40ปี มีการคิดค้นสูตรต่างๆมากมายแต่ปัญหาที่เกิดคือ ทุกๆ4กก.ของนน.ที่ลดลง ร่างกายจะเสียโปรตีนถึง1กก. เพราะได้รับโปรตีนไม่มากพอ …จากปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้เกิดสูตรอาหารที่ให้พลังงานต่ำๆมากๆๆจนเกิดการเสียชีวิตประมาณ80คนทั่วอเมริกา สืบเนื่องจากการสูญเสียกล้ามเนื้อหัวใจ ศาสตร์แห่งอาหารทดแทนจึงถูกมองในแง่ลบ
- ต่อมาได้มีการทำงานวิจัยมากมายเพื่อพิสูจน์ว่าวิธีการนี้ให้ผลดี ทำให้เกิดการพัฒนาแบบก้าวกระโดด บรรดาเหล่าคนมีชื่อเสียงของอเมริกาได้มีการทดลองใช้ ซึ่งก็เห็นผลได้ดี แต่ช่วงนั้นอาหารทดแทนยังมีรสชาติที่ไม่อร่อยนัก
ผลของการควบคุมอาหารvsการใช้อาหารทดแทน
ผลวิจัยจากยูในเยอรมันนี มีการเก็บข้อมูลมากว่า4ปี ได้แบ่งคนเป็น2กลุ่มดังนี้
- กลุ่มทานอาหารปกติ ควบคุมด้วยการลดแคลอรี่ให้เหลือ1,200กิโลแคลอรี่ต่อวัน จะสามารถลดน้ำหนักได้เพียง45-0.9กก.เท่านั้น
- กลุ่มทานอาหารทดแทน โดยทานทดแทนอาหาร2มื้อ+ทานอาหารปกติ1มื้อ และได้รับพลังงาน1,200กิโลแคลอรี่ต่อวัน ใช้เวลา12สัปดาห์เท่ากัน จะสามารถลดน้ำหนักโดยเฉลี่ยได้ถึง3กก.
มีการเก็บข้อมูลต่อเนื่องจนครบ4ปี พบว่ากลุ่มทานอาหารทดแทนได้รับผลดีต่อโรคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความอ้วน ระดับน้ำตาลในเลือด ความดัน คอเลสเตอรอล อยู่ในเกณฑ์สุขภาพดีกว่ากลุ่มแรกที่คุมอาหารอย่างเดียวมากมาย
สรุป คือ…การทานอาหารทดแทนเพื่อลดน้ำหนัก ทำให้ลดน้ำหนักได้มากกว่า ควบคุมน้ำหนักได้ดีกว่า สุขภาพดีกว่า และข้อมูลเหล่านี้ได้มีการตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์เพื่อเป็นการยืนยันความถูกต้องชัดเจนยิ่งขึ้น
แต่ด้วยอาหารทดแทนแต่ละยี่ห้อไม่ได้มีส่วนประกอบเหมือนกันทั้งหมด เราจึงต้องมีการเลือกโดยคำนึงถึงสัดส่วนปริมาณโปรตีนและไขมันที่เป็นส่วนประกอบของอาหารทดแทนนั้น ที่สำคัญต้องมีรสชาติอร่อย สารอาหารต้องครบ ปริมาณเหมาะสมเพียงพอ ตามหลักโภชนาการ เพื่อการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพและได้สุขภาพที่ดี
กว่า10ปีที่ศาสตร์แห่งอาหารทดแทนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ในวงการแพทย์ก็ยังไม่ยอมรับทั้งหมด เนื่องจากแพทย์เน้นการรักษามากกว่าการป้องกัน แต่ปัจจุบันเราจะพบว่าศาสตร์แห่งการป้องกันก็ได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น
จุดแข็งที่สุดของอาหารทดแทน คือช่วยให้เราลดน้ำหนักได้สอดคล้องกับหลักทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น เพราะมีการแสดงสารอาหารที่ได้รับ+พลังงานไว้ เราจะควบคุมพลังงานได้ง่าย(1,000-1,200กิโลแคลอรี่ต่อวัน) เมื่อเราได้รับสารอาหารครบถ้วนเราจึงหิวน้อยลงหรือไม่รู้สึกหิวเลย
เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจึงสามารถลดน้ำหนักลงได้เรื่อยๆโดยที่การเผาผลาญไม่ลดลง(แต่กลับเพิ่มขึ้นด้วย เพราะสารอาหารครบ ร่างกายอิ่มสารอาหาร) จึงทำให้ไม่โยโย่นั่นเอง..สรุป คือ อาหารทดแทนที่ดีพอ จะทำให้เราลดน้ำหนักลงได้ถูกต้องตามหลักทางการแพทย์ แบบง่ายๆและปลอดภัยนั่นเอง
ดังนั้น หากคิดถัวเฉลี่ยกับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายค่าอาหารมารับประทานต่อวันในแต่ละมื้อ การทานอาหารทดแทนอาจมีค่าใช้จ่ายพอๆกับค่าอาหารที่เราต้องจ่ายปกติต่อมื้อก็เป็นได้ เราจึงเหมือนไม่ได้จ่ายอะไรเพิ่ม แต่สามารถลดน้ำหนักลงได้ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ต้องการลดน้ำหนักให้ได้ผลแบบสุขภาพดี โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้วยเท่านั้น
สรุปหลักการเบื้องต้นในการเลือกอาหารทดแทนคือ
- ความปลอดภัย โดยเช็คเบื้องต้นจากอย. โดยเฉพาะถ้าผ่านอย.ของประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็จะยิ่งน่าเชื่อถือ
- สารอาหารต้องครบถ้วน5หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม โปรตีนมากพอ(ทานแล้วไม่หิว) พลังงาน1,000-1,200กิโลแคลอรี่ต่อวัน
- การรับประกันความพอใจ คือ การันตีคืนเงินเต็มจำนวนถ้าทานแล้วไม่ได้ผลนั่นเอง
Credit : หนังสือถ้ารู้คงผอมไปนานแล้ว