โดยปกติแล้วเราจะเติบโตมากับความรู้(ความเชื่อ)เกี่ยวกับความอ้วน และการลดน้ำหนักเหมือนเป็นการส่งต่อวิธีการกันมา แต่แท้จริงแล้วส่วนใหญ่ สิ่งที่เราได้รับรู้และความเชื่อเหล่านั้นมักสวนทางกับความเป็นจริงและเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องซักเท่าไหร่ ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ก็จะมีประมาณนี้
ความอ้วนเป็นกรรมพันธุ์
พ่อแม่ใครอ้วน ลูกก็ต้องอ้วน ความเข้าใจนี้ก็มีความถูกต้องอยู่บ้างแต่ไม่ใช่เสียทั้งหมด เพราะในทางการแพทย์ “กรรมพันธุ์(พันธุกรรม) มีผลต่อเรื่องของน้ำหนักเพียงแค่ 30% เท่านั้น แต่สิ่งที่ส่งผลหรือเป็นสาเหตุของความอ้วนนั้น เป็นเพราะ “พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของการรับประทานและการออกกำลังกายน้อยของพ่อแม่ เลยส่งผลให้ถูกปลูกฝังจนกลายติดเป็นนิสัยส่วนตัว แต่ถ้าหากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ก็จะสามารถผอมได้เช่นกัน
เด็กอ้วนๆ ดีแล้ว
คนเส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า น้ำหนักของเด็กที่เกินมาตรฐาน ทำให้เด็กดูกลมๆ น่ารักนั้นบ่งบอกถึงสุขภาพและการเจริญเติบโตทีดีแล้วโตขึ้นก็จะยืดตัวและผอมเองนั้น เป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์ เพราะพฤติกรรมการทานแบบผิดๆ จะถูกปลูกฝังในตัวเด็กจนติดเป็นนิสัย ซึ่งจะเปลี่ยนยากมากในตอนโต
ลดสัดส่วนที่ต้องการ
ในความเป็นจริงเราไม่สามารถลดน้ำหนักเฉพาะส่วนได้ เพราะร่างการจะดึงไขมันมาใช้ตามลำดับ โดยเราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงลำดับได้ ไขมันในร่างกายเราจะเป็นลักษณะเข้าก่อนออกทีหลัง นั่นคือไขมันจะสะสมที่หน้าท้องก่อนแล้วสะสมที่ต้นขา หลัง คางและใบหน้าตามลำดับ แต่เวลาร่างกายดึงไขมันมาใช้ จะเริ่มดึง จากใบหน้า คาง ต้นขาและหน้าท้องตามลำดับ(ถ้ารู้ผอมไปนานแล้ว:56)
นอนน้อยกับนอนมาก
ส่วนใหญ่จะมีความเข้าใจว่า ถ้าเรามีช่วงเวลาที่ใช้พลังงานหรือทำกิจกรรมมากขึ้นจะทำให้เราเผาผลาญพลังงานมากขึ้น ทำให้น้ำหนักลงได้มากขึ้น. แต่จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียสหรัฐฯ ได้พบว่า คนที่นอนน้อยกว่า 4ชั่วโมง มีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากขึ้นถึง 73% ในขณะคนที่นอน 5ชั่วโมง มีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากขึ้น 50% ส่วนคนที่นอนวันละ 6ชั่วโมง มีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากขึ้นเพียง 23% โดยอธิบายว่า การนอนน้อยทำให้ร่างกายมีระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ซึ่งไปกระตุ้นให้ร่างกายของเราอยากทานอาหารมาขึ้นและสะสมไขมันเพิ่มขึ้นด้วย
Low Suger ,Low Fat
คนส่วนใหญ่ถูกสองคำนี้หลอก คิดว่าถ้ากินน้ำตาลน้อยและจะไม่อ้วน แต่ความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราได้พลังงานที่ทานมากว่าพลังงานที่ร่างกายต้องใช้ แม้เราจะกิน Low Suger ,Low Fat เราก็อ้วนอยู่ดี เช่นเดียวกับ การใช้น้ำตาลเทียม และเครื่องดื่ม 0 กิโลแคลอรี่ ก็ไม่ต่างกัน
งดคาร์โบไฮเดรต งดไขมัน จะผอม
แท้จริงแล้ว ต่อให้เราทานอาหารกลุ่มนี้ครบทั้ง3 มื้อ แต่ร่างกายเราเผาผลาญได้หมด หรือพลังงานไม่เกินตามที่ร่างกายต่อวัน เราก็ผอมลงได้อยู่ดี แต่ในทางตรงกันข้าม ต่อให้เรางดกลุ่มนี้แต่เราทานพลังงานเกินเราก็จะอ้วนขึ้นนั่นเอง
ทานสลัดไม่อ้วนหรอก
โดยปกติเวลาเราทานสลัด สิ่งที่ตามมาคือ “น้ำสลัด” ซึ่งน้ำสลัดเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงมากๆๆ เพียงแค่ 2-3 ช้อนชาก็ให้พลังงานเกือบ100กิโลแคลอรี่ แล้ว ดังนั้นหากเราทานสลัด1 จาน เราอาจได้พลังงาน 400-500 กิโลแคลอรี่โดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว นอกจากนี้การทานสลัดจะทำให้เราได้รับสารอาหารโปรตีนกลุ่มโปรตีนได้น้อย ส่งผลให้เกิดโยโย่ ขึ้นได้อีกด้วย
ทานผลไม้ไม่อ้วนหรอก
จริงๆ แล้วผลไม้ทุกชนิดล้วนมีพลังงาน ดังนั้นหากเราทานผลไม้ที่ให้พลังงานมากกว่าที่เราใช้ น้ำหนักตัวของเราก็ไม่ลดลงอยู่ดี
ดื่มเครื่องดื่มไม่เป็นไร
ในความจริงแล้ว เครื่องดื่มหลายๆ เครื่องดื่มให้พลังงานสูง เช่น นมรสหวาน 1 กล่องให้พลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี่ ถ้าทานวันละ 1ลิตร ก็ได้รับพลังงาน 1000 กิโลแคลอรี่พอกับไปทานพิชซ่าเลย ส่วนเครื่องดื่มชา กาแฟ น้ำผลไม้ อาจให้พลังงานมากถึง 250-300 กิโลแคลอรี่ เลยทีเดียว ถ้าเราดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้วันละ 1-2 แก้ว ก็ไม่ต่างจากคนที่ทานข้าวเพิ่มวันละ 1 มื้อเลย เพราะฉนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของคนที่ต้องการลดน้ำหนักคือเลี่ยงหรือไม่แตะเครื่องดื่มเหล่านี้เลย ทานน้ำเปล่าค่ะดีที่สุด